การเปลี่ยนแปลงการสอน
การเปลี่ยนแปลงการสอน
- เราอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงการสอน ไปในแนวทางผู้เรียนเป็นสำคัญ แต่ทุกวันนี้ ครูส่วนใหญ่ยังทำการสอน แบบผู้เรียนเป็นสำคัญไม่ได้ เพราะอุปสรรคต่างๆ มากมาย
- ทั้งปัญหาจำนวนนักเรียนต่อห้อง คาบการสอนที่สั้นเกินกว่าจะฝึกทักษะเด็ก การบูรณาการวิชาต่างๆ ก็ยังมีการทำกันได้น้อยมาก
- แม้จะมีความตั้งใจ แต่เวลาของครูเรา ยังต้องมาหมดไปกับการทำรายงานส่ง สมศ.ต้องมาทำงานวิจัยเพื่อเลื่อนวิทยฐานะ ต้องเตรียมรับการประเมินผล และล่าสุดต้องมาเร่งให้เด็กสอบโอเนตได้คะแนนมากๆ
- ส่วนเด็กนักเรียนระดับประถม ต้องเรียน 8 สาระการเรียนรู้ หนักเลยครับ จากเด็กร่าเริง สนุกสนาน ต้องกลายเป็นหุ่นยนต์ที่ถูกป้อนข้อมูลตั้งแต่เช้าจรดเย็น ใครรับได้ ก็กลายเป็นเด็กเรียนเก่ง ส่วนใครไม่ชอบก็กลายเป็นเด็กไม่รักเรียน เด็กเกเร
- เด็ก 70% ของเราไม่ได้เรียนต่อในระดับอุดมศึกษาหรอกครับ และสิ่งที่เขาได้รับจากระบบการศึกษาแบบเดิมนี้ คือ การถูกประเมินว่า “ไม่เก่ง” “เรียนแย่”และเมื่อเขาต้องออกจากระบบโรงเรียนเขาก็ไม่สามารถใช้วิชาต่างๆ ที่เขาต้องใช้เวลาเรียนมามากมาย มาเพื่อพัฒนาชีวิตเขา
- สำหรับเด็กอีก 30% ที่มุ่งจะเอาปริญญา ก็ต้องท่องจำไปสอบ แข่งขันกันเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง ซึ่งใช้ระบบคัดเลือกแบบโบราณ คือวัดคนด้านเดียว คือด้านการทำข้อสอบ
- ทุกวันนี้ การศึกษาจึงกลายเป็นเครื่องมือในการแข่งขัน แทนที่จะจะเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคน
- ในส่วนของผู้ปกครอง เราจะเห็นผู้ปกครองมากมายที่ต้องทุ่มเทให้ลูกกวดวิชา แย่งกันเข้ามหาวิทยาลัย ทั้งๆ ที่มหาวิทยาลัยในบ้านเรามีมากกว่า 150 แห่ง เพียงพอต่อทุกคน (ยกเว้นบางคณะ)
- การศึกษาของเรามันเข้าขั้นวิกฤติ จริงๆ ครับ ถ้าเป็นคนไข้ ก็อาการหนัก ความหวังที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงการสอน ดูจะมืดมน
- ผมเชื่อว่า ถึงแม้จะปรับปรุงหลักสูตรให้ดีอย่างไร ถ้าครูยังไม่สามารถเปลี่ยนการสอนได้ เราก็คงต้องเจอปัญหาสังคมแบบเดิมๆ นั่นคือ
- ความรุนแรง ยาเสพติด
- การใช้กำลังมากกว่าจะใช้เหตุผล ทุจริต
- ขาดทักษะในการทำงานร่วมกัน
- ทักษะในการใช้ประโยชน์จากความคิดที่แตกต่างกัน
- ทักษะในการเรียนรู้ แยกแยะข้อมูล และใฝ่เรียนใฝ่รู้
- นั่นคือปัญหาของประเทศเรา ทั่วโลกต่างหาวิธีการสอนที่เหมาะสมกับเด็กของเขา มีการวิจัยกับเด็กของเขา เช่น PBL problem-based learning, flipped classroom,Strength-based Learning ของนิวซีแลนด์และออสเตรเลีย , 5STEP ของสิงคโปร์ ฯลฯ ทุกโมเดล มีข้อดีข้อด้อยครับ เหมาะสำหรับบริบทที่แตกต่างกัน
- ผมคิดว่าประเทศเราก็มีปัญหาของเราจุดมุ่งหมายของการจัดการศึกษาก็เพื่อ แก้ปัญหาของประเทศนั้นๆ คำถามคือ ถ้าเราไปนำของเขามาใช้มันจะดีไหม เหมาะสมกับเราเพียงใด
- โมเดลสำหรับเด็กไทย คือ CBL Creativity-based learning ซึ่งสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมของเรา ปัญหาของเรา และเด็กของเรา การสอนแบบนี้แหละครับ ที่จะสร้างทักษะแห่งอนาคต
- นอกจากเด็กจะได้มีความคิดวิเคราะห์ (ซึ่งในการสอนแบบเดิม ก็พัฒนาทักษะนี้อยู่แล้ว) เขายังได้ฝึกฝนทักษะในการสื่อสาร การทำงานเป็นทีม ทักษะในการเรียนรู้
- และที่สำคัญที่สุด คือทักษะในการคิดสร้างสรรค์ ครูจะสนุกและเรียนรู้ไปกับผู้เรียน นักเรียนจะมีความสุขและสนใจใฝ่รู้
- เด็กที่ได้เรียนไม่ว่าเขาจะจบ ป.4 หรือ ม.3 ไม่ว่าเขาจะได้เรียนต่อในระดับสูงขึ้นไปหรือไม่ แนวทางการสอนแบบนี้ จะทำให้ชีวิตเขาดีขึ้นแน่นอนครับ
- อยากเปลี่ยนแปลงครับ หลายท่านเรียนรู้และเริ่มเปลี่ยนแปลงแล้ว แต่ก็มีครูอาจารย์อีกมากที่เห็นด้วย แต่ยังกังวลกับความยุ่งยาก ที่ต้องเปลี่ยนแปลง
- ผมเชื่อว่าครูไทยเราส่วนใหญ่ มีจิตวิญญาณของความเป็นครู เราอยากสอนให้เขารู้ แต่ดูเหมือนเขาไม่สนใจเรียน
- เราสอนเขามากมาย แต่เขาไม่ได้เชื่อฟังสิ่งดีๆ จากเรา ผมคิดว่า ถ้าพวกเราเข้าใจแนวทางการสอนแบบใหม่นี้
- ความจริงหลายสิ่งที่อาจารย์หลายท่าน ได้สอนอยู่ก็ใกล้เคียงกับ CBL แล้ว เราจะแก้ปัญหาต่างๆ ที่เจออยู่นี้ได้ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น